Menu

TOEIC คืออะไร

TOEIC คือ ข้อสอบทดสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน ย่อมากจาก Test of English for International Communication โดยข้อสอบมี 2 พาร์ท คือ Listening 100 ข้อ และ Reading 100 ข้อ รวมข้อสอบมีทั้งหมด 200 ข้อ คะแนนเต็ม 990 คะแนน

ความสำคัญของ TOEIC

โดยส่วนใหญ่แล้วคะแนน TOEIC มักใช้สำหรับการสมัครงาน เป็นคะแนนสอบที่สามารถบ่งบอกได้ว่าบุคคลนั้น ๆ มีความสามารถทางภาษาอังกฤษในระดับใด นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการยื่นพิจารณาปรับขั้นเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง และยังสามารถใช้ร่นระยะเวลาในการขอเลื่อน/ขอมีวิทยาฐานะของข้าราชการครูได้อีกด้วย

เหตุผลที่ควรสอบ TOEIC

TOEIC เป็นข้อสอบที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน หากเปรียบเทียบกับข้อสอบอื่น ๆ ที่เป็นเชิงวิชาการ เช่น IELTS, TOEFL, CU-TEP นั้น ข้อสอบ TOEIC จะค่อนข้างง่ายกว่า ทั้งคำศัพท์ที่มักพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน จึงทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยมากกว่า รวมถึงความซับซ้อนของข้อสอบก็จะน้อยกว่าข้อสอบเชิงวิชาการอื่น ๆ ด้วย

TOEIC มีกี่แบบ และแตกต่างกันอย่างไร

รูปแบบการสอบ TOEIC มี 2 รูปแบบ คือ

  • TOEIC Listening & Reading (การฟังและการอ่าน) คะแนนเต็ม 990 คะแนน แบ่งเป็นพาร์ทละ 495 คะแนน ซึ่งส่วนใหญ่ที่สอบกันจะเป็นข้อสอบประเภทนี้
  • TOEIC Speaking and Writing (การพูดและการเขียน) การสอบพูดและเขียนภาษาอังกฤษของ TOEIC คะแนนเต็ม 400 คะแนน แบ่งเป็นพาร์ทละ 200 คะแนน

TOEIC มีสอบอะไรบ้าง

ข้อสอบ TOEIC ประกอบไปด้วย พาร์ทการฟัง (Listening) และพาร์ทการอ่าน (Reading) โดยข้อสอบเป็นแบบเลือกตอบทั้งหมด

จำนวนข้อสอบ TOEIC แต่ละพาร์ท

ข้อสอบ TOEIC ประกอบไปด้วย พาร์ทการฟัง (Listening) 100 ข้อ และพาร์ทการอ่าน (Reading) 100 ข้อ รวมทั้งหมด 200 ข้อ

ระยะเวลาในการทำข้อสอบ TOEIC

  • พาร์ทการฟัง (Listening) ให้เวลาทำข้อสอบ 45 นาที
  • พาร์ทการอ่าน (Reading) ให้เวลาทำข้อสอบ 75 นาที

รูปแบบของข้อสอบ TOEIC แต่ละส่วน

TOEIC Listening Test หรือพาร์ทการฟัง แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่

  • Part 1 Photographs จำนวน 6 ข้อ
  • Part 2 Question-Response จำนวน 25 ข้อ
  • Part 3 Conversations จำนวน 39 ข้อ
  • Part 4 Short Talks จำนวน 30 ข้อ

TOEIC Reading Test หรือพาร์ทการอ่าน ข้อสอบพาร์ทนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งมีทั้งข้อสอบที่วัดทักษะด้านการอ่านและ Grammar ได้แก่

  • Part 5 Incomplete Sentences จำนวน 30 ข้อ
  • Part 6 Text Completion จำนวน 16 ข้อ
  • Part 7 Reading Comprehension จำนวน 54 ข้อ

สรุปเนื้อหาสำคัญในแต่ละพาร์ทของ TOEIC

TOEIC Listening Test

Part 1 Photographs คือ ให้เลือกคำตอบที่อธิบายรูปภาพที่โจทย์กำหนดมาให้ได้ดีที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปภาพคนที่กำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นภาพของสถานที่ หรืออาจจะเป็นภาพสิ่งของต่าง ๆ ก็ได้

Part 2 Question-Response คือ ให้ฟังประโยคภาษาอังกฤษจากเทปเสียง ซึ่งโดยส่วนมากมักจะเป็นประโยคคำถาม จากนั้นก็จะมีตัวเลือกให้เราฟังต่อ แต่ละข้อก็จะมีตัวเลือกให้ 3 ข้อ นั่นหมายถึงว่า เราต้องเลือกคำตอบจากตัวเลือกที่ได้ยิน ไม่มีให้อ่านในกระดาษคำถาม

Part 3 Conversations คือ ให้ฟังบทสนทนาของคน 2-3 คน ประมาณ 13 เรื่อง แต่ละบทสนทนาจะมีคำถาม 3 ข้อ โดยเราจะต้องตอบคำถามโดยใช้ข้อมูลในบทสนทนาเหล่านั้น ซึ่งข้อสอบในพาร์ทนี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้นกว่าพาร์ทแรก ๆ

Part 4 Short Talks คือ ให้ฟังบทพูดของคนหนึ่งคน ซึ่งอาจจะเป็นการพูดเล่าเรื่อง หรือการประกาศต่าง ๆ โดยจะมีบทพูดประมาณ 10 เรื่อง แต่ละเรื่องมีคำถามจำนวน 3 ข้อ นับเป็นพาร์ทการฟังที่ต้องมีสมาธิสูง เพราะรายละเอียดก็จะเยอะมากขึ้นกว่าพาร์ทแรก ๆ ของการสอบ ในขณะเดียวกันก็ต้องตอบคำถามให้ทันเวลาอีกด้วย

TOEIC Reading Test

Part 5 Incomplete Sentences เป็นส่วนที่วัดทักษะทางด้านไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ เช่น เรื่อง Part of Speech, Countable & Uncountable Noun, Pronouns, Prepositions, Conjunctions, Gerunds or Infinitives, Verbs ต่าง ๆ, รูปแบบประโยค active และ passive, ประโยคเงื่อนไข (If-clause), การเปรียบเทียบ (Comparisons) และเรื่องอื่น ๆ

Part 6 Text Completion เป็นพาร์ทที่ให้ผู้สอบเติมคำหรือข้อความให้เนื้อเรื่องมีความสมบูรณ์ โดยเลือกจากตัวเลือกที่มีให้

Part 7 Reading Comprehension เป็นพาร์ทที่ต้องอ่านบทความแล้วตอบคำถาม ดังนี้

  • บทความเดี่ยว (Single Passage) ประมาณ 7-10 บทความ แต่ละบทความมีคำถามประมาณ 2-5 ข้อ
  • บทความคู่ (Double Passages) ประมาณ 2 ชุด แต่ละชุดบทความมีคำถามประมาณ 5 ข้อ
  • บทความ 3 ส่วน (Triple Passages) มีคำถามทั้งหมด 15 ข้อ

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC

ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC Part 1 Photographs
ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC Part 5 Incomplete Sentences
ตัวอย่างข้อสอบ TOEIC Part 6 Text Completion
Part 7 Reading Comprehension

เทคนิคการทำข้อสอบ TOEIC แต่ละพาร์ท

TOEIC Listening Test

Part 1 Photographs รีบทำความเข้าใจกับรูปภาพคร่าว ๆ ก่อนที่เทปเสียงของข้อนั้น ๆ จะถูกเปิด และลองดูว่ามีคำศัพท์อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับภาพที่ให้มา

Part 2 Question-Response พาร์ทนี้ต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเทปเสียงเป็นอย่างดี เพราะในกระดาษคำถามไม่มีข้อมูลอะไรให้เราอ่านได้เลย และอย่าลืมสังเกตว่าคำถามหรือประโยคที่ได้ยิน เป็นการถามเกี่ยวกับอะไร เพราะส่วนใหญ่แล้วประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมักจะขึ้นต้นด้วย who, what, when, where, why, how แนะนำให้จับคำเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งจะช่วยให้เราเลือกคำตอบได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ หากอยู่ในสถานการณ์ทีไม่แน่ใจหรือฟังไม่ออกจริง ๆ ให้เลือกคำตอบเท่าที่พอจะมีเวลาตัดสินใจ ณ ตอนนั้นไปก่อน แล้วรีบไปโฟกัสข้อต่อไปแทน เพราะการจมอยู่กับข้อเดิม ๆ นานเกินไป จะทำให้เราพลาดโอกาสในการทำคะแนนในข้ออื่น ๆ

Part 3 Conversations และ Part 4 Short Talks สำหรับสองพาร์ทนี้ แนะนำให้อ่านคำถามทั้ง 3 ข้ออย่างเร็วๆ ก่อนที่เทปเสียงจะเปิด และควรจดโน้ตย่อ ๆ ไว้ เพราะบทสนทนาที่เราจะได้ยินจากเทปอาจจะพูดค่อนข้างเร็ว หากเราไม่จดโน้ตไว้เลยว่าเรื่องราวที่ได้ยินนั้นมีรายละเอียดอะไรบ้าง อาจทำให้เราไม่สามารถเลือกคำตอบที่ถูกต้องได้ และในกรณีที่เราพลาดบางส่วนไปจนทำให้ไม่สามารถตอบคำถามข้อนั้น ๆ ได้ ให้ตัดสินใจเลือกคำตอบเท่าที่พอจะมีเวลา ณ ตอนนั้นไปก่อนเหมือนเดิม แล้วรีบไปโฟกัสข้อต่อไปแทน

TOEIC Reading Test

ข้อสอบพาร์ทนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งมีทั้งข้อสอบที่วัดทักษะด้านการอ่านและ Grammar ได้แก่

Part 5 Incomplete Sentences สำหรับพาร์ทนี้ควรท่องศัพท์และฝึกความแม่นยำเรื่อง Grammar ให้มาก ๆ เพราะพาร์ทนี้มีจำนวนข้อเยอะ และต้องทำข้อสอบเร็ว ความแม่นยำจะช่วยให้เราทำข้อสอบได้ทันเวลา และในขณะเดียวกันก็ยังคงมีความถูกต้องอยู่ แนะนำให้ฝึกทำข้อสอบอย่างสม่ำเสมอพร้อมจับเวลาเท่าการสอบจริง เพื่อให้เราเกิดความคุ้นชินทั้งแนวข้อสอบและความเร็วในการทำข้อสอบ

Part 6 Text Completion แนะนำให้อ่านอย่างคร่าว ๆ โดยควรแบ่งเวลาให้ 1 นาที สามารถทำข้อสอบได้ 2 ข้อ เพื่อให้มีเวลาเหลือเพียงพอที่จะไปทำในส่วนของการอ่านบทความอื่น ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น

Part 7 Reading Comprehension แนะนำให้ฝึกทำข้อสอบ TOEIC พาร์ท Reading Comprehension และจดจำคำศัพท์ให้เยอะ ๆ เพราะจะช่วยทำให้เราสามารถจดจำเนื้อเรื่องได้อย่างรวดเร็ว และรู้ว่าคำไหนสำคัญ คำไหนไม่สำคัญต่อเนื้อหาและคำถามในเรื่องนั้น ๆ

แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม TOEIC​

Handbook and Sample Tests สำหรับการอ่านและฝึกทำข้อสอบ https://www.ets.org/toeic/test-takers/prepare.html

คอร์สเรียน TOEIC Online : https://course.chulatutor.com/p/toeic-online

แอปพลิเคชันช่วยฝึกสอบ TOEIC

เคล็ดลับสำหรับผู้สอบ TOEIC ครั้งแรก

สำหรับการสอบ TOEIC ในครั้งแรก หลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานการณ์การสอบ ดังนั้น เคล็ดลับที่อยากแนะนำคือ การฝึกทำข้อสอบแบบที่ต้องจับเวลาจริงด้วย เพื่อให้เราคุ้นเคยกับสถานการณ์จริงให้มากที่สุด เพราะข้อสอบ TOEIC ถือเป็นข้อสอบที่ต้องมีความเร็วในการทำ ประกอบกับการฝึกทำข้อสอบในทุกพาร์ทให้เยอะ ๆ เพื่อสร้างความคุ้นชินเมื่อเวลาเจอข้อสอบจริงจะได้ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป และอย่าลืมเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ ตรวจสอบสถานที่สอบและเวลาให้เรียบร้อย วางแผนการเดินทาง และไปถึงสถานที่สอบล่วงหน้า เพื่อให้คุณมีเวลาสำหรับการเตรียมตัวในสถานที่สอบนั่นเอง

วิธีการสมัครสอบ TOEIC

สมัครสอบทาง Call Center ในวันทำการ วันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 08.00 – 16.30 น. ศูนย์สอบกรุงเทพฯ : 0-2260-7061, 0-2259-3990 ต่อ 101 หรือ ต่อ 603 สำหรับภาษาอังกฤษ และศูนย์สอบเชียงใหม่ : 0-5324-1273 ถึง 5

จองที่นั่งสอบผ่าน CPA Line Shopping สำหรับผู้สอบทั่วไป (Personal) และผู้สอบสัญชาติไทยเท่านั้น ทาง @cpa_thailand ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ค่าใช้จ่ายในการสอบ TOEIC

  • กรณีบุคคลทั่วไป (Personal) และผู้สอบที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย (Non-Thai) 1,800 บาท/ครั้ง
  • กรณีสอบในนามสถาบันการศึกษา 1,200 บาท/ครั้ง
  • กรณีสอบในนามองค์กร อัตราสอบเป็นไปตามหนังสือยืนยันข้อตกลง (เงื่อนไขการสอบเป็นไปตามหนังสือยืนยันข้อตกลง)

คะแนนสอบ TOEIC สำหรับการยื่นสมัครงาน

คะแนนสอบ TOEIC ยื่นสมัครงานในประเทศไทย

คะแนนสอบ TOEIC ที่ใช้ยื่นสมัครงานในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามบริษัทและตำแหน่งงาน มีตั้งแต่คะแนนระดับกลาง ๆ ไปจนถึงคะแนนระดับสูง ยกตัวอย่างเช่น

งานทั่วไป ( ธุรการ, เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า) ต้องการ ประมาณ 450-600 คะแนนขึ้นไป

งานในสายการบิน, โรงแรม, หรือบริการลูกค้าที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น ต้องการประมาณ 600-700 คะแนนขึ้นไป

งานด้านบริหาร, วิศวกร, หรือตำแหน่งที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษสูง มักจะต้องการประมาณ 700-850 คะแนนขึ้นไป

งานในบริษัทข้ามชาติ หรือตำแหน่งระดับผู้บริหารอาจต้องการประมาณ 850 คะแนนขึ้นไป เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แต่ละองค์กรมีเกณฑ์การยื่นคะแนนที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรตรวจสอบรายละเอียดจากบริษัทที่สนใจสมัครงานโดยตรง ว่ามีการกำหนดเกณฑ์คะแนนยื่นไว้เท่าใด

คะแนนสอบ TOEIC ยื่นสมัครงานในต่างประเทศ

คะแนนสอบ TOEIC ที่ใช้ยื่นสมัครงานในต่างประเทศ มีหลากหลายขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทและแต่ละตำแหน่ง โดยมีเกณฑ์ตั้งแต่ 600 คะแนนขึ้นไป จนถึง 850 คะแนนขึ้นไป แนะนำว่าผู้สนใจสมัครงานในต่างประเทศ ต้องตรวจสอบรายละเอียดเกณฑ์การยื่นอย่างละเอียดอีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อย

สอบ TOEIC ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

ในวันสอบ TOEIC ผู้สอบจะต้องนำเอกสารไปในวันสอบจริงด้วย ดังนี้

กรณีสอบในนามบุคคลทั่วไป ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไทย หรือ ใบขับขี่สมาร์ตการ์ดไทย (บัตรแข็ง) หรือ หนังสือเดินทางไทย (Passport) ไปในวันสอบ

กรณีสอบในนามองค์กร และสถาบันการศึกษา ที่ลงนาม LOA กับ CPA (Thailand) ให้นำบัตรประจำตัวประชาชนไทย หรือ ใบขับขี่สมาร์ตการ์ดไทย (บัตรแข็ง) หรือ หนังสือเดินทางไทย (Passport) และบัตรประจำตัวพนักงานขององค์กรที่ใช้สิทธิ์สอบแบบมีรูปถ่าย หรือบัตรประจำตัวนักศึกษาแบบมีรูปถ่าย

หากจะสอบใหม่ ต้องเว้นระยะเวลากี่วัน

กรณีต้องการสอบครั้งถัดไป สามารถจองสอบได้หลังจากที่ผลคะแนนสอบครั้งหลังสุดออกแล้ว โดยต้องมีระยะเว้นการสอบ 3 วันปฏิทิน หลังจากวันสอบ ทั้งนี้ หากมีการสอบซ้ำภายใน “ระยะเว้นการสอบ” ครั้งที่สอบซ้ำจะถือเป็นโมฆะ โดยไม่มีการคืนค่าสอบ

รีวิว TOEIC